จะว่าโบราณก็ไม่ใช่ เพราะเรียนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ปัจจุบันผสมผสานกับศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่มีมายาวนาน ในการรักษาผู้ป่วยในปัจจุบัน ก็จะผสมผสานทั้งศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนจีนเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
คณะการแพทย์แผนจีนจะต่างจากแพทย์แผนปัจจุบันโดยจะเน้นการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยใช้ศาสตร์แพทย์จีน ผู้สำเร็จการศึกษาจะได้วุฒิการแพทย์แผนจีนบัณฑิต และมีสิทธิสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีนในประเทศไทย ของกระทรวงสาธารณสุขไทย แต่อย่างไรก็ตามเป็นการรักษาพยาบาลผู้ป่วยเหมือนกัน
ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาจีน มหาวิทยาลัยจะกำหนดให้นักศึกษาเรียนวิชาภาษาจีนพื้นฐานก่อน 1 ปีการศึกษา เพื่อสอบวัดระดับความรู้วิชาภาษาจีนให้ได้ระดับ 5 ก่อน แต่ถ้านักศึกษามีความรู้พื้นฐานภาษาจีน และสอบวัดระดับความรู้วิชาภาษาจีนได้ระดับ 5 แล้ว นักศึกษาก็สามารถข้ามไปเรียนวิชาทางการแพทย์แผนจีนได้เลย
ตลอดหลักสูตรประมาณ 868,400 บาท ทั้งหมด 6ปี รวมค่าหน่วยกิตเรียนที่ประเทศจีนและค่าที่พัก แต่ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายส่วนตัว
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ มีระดับปริญญาตรี 13 คณะ ซึ่งมีทั้งด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์ และด้านสังคมศาสตร์ ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามีแต่คณะพยาบาลศาสตร์เนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยเริ่มก่อตั้งมาจากโรงเรียนผดุงครรภ์อนามัย ตั้งแต่ พ.ศ. 2485 ที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า “สถานผดุงครรภ์หัวเฉียว” ซึ่งเป็นสถาบันที่สอนด้านการพยาบาลของเอกชนแห่งแรก และได้พัฒนามาเป็น วิทยาลัยหัวเฉียว และมหาวิทยาลัย หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน ปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว ฯ ได้เปิดสอน ปริญญาตรี 13 คณะ ได้แก่ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะเภสัชศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ คณะกายภาพบำบัด คณะสาธารณสุขศาสตร์และสิ่งแวดล้อม คณะการแพทย์แผนจีน คณะนิติศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ และภาษาและวัฒนธรรมจีน
ถ้าเรียนสายศิลป์-คำนวน หรือ ศิลป์-ภาษา สามารถเลือกเรียนได้7คณะ ได้แก่ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะนิติศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ และภาษาและวัฒนธรรมจีน และคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์) ได้เท่านั้น แต่ถ้าเรียนสายวิทย์-คณิต สามารถเลือกเรียนได้ทุกคณะ
ไม่เสมอไป แต่ก็มีบางส่วนที่ทำงานที่โรงพยาบาลหัวเฉียว บัณฑิตบางส่วนจะทำงานในหน่วยงานที่ไปฝึกปฏิบัติ
มีหลักสูตร ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาและวัฒนธรรมไทย ภาษาอังกฤษ - ภาษาไทย และหลักสูตรนานาชาติ ภาษาอังกฤษ – ภาษาจีน แล้วแต่ความสนใจ หลักสูตรภาษาและวัฒนธรรมไทย ก็น่าสนใจ เพราะในการทำงานในวิชาชีพต่าง ๆ เราควรเน้นเรื่องการใช้ภาษาที่ถูกต้อง จะเป็นนักเขียน หรือนักจัดโครงการด้านวัฒนธรรมก็ได้ สำหรับหลักสูตร ภาษาอังกฤษ – ภาษาจีน นี้เป็นเอกคู่จะเน้นทั้งสองภาษา ผู้เรียนหลักสูตรนี้จะใช้ภาษาทั้งสองได้เป็นอย่างดี ทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน
นักศึกษาใหม่สามารถขอทุนจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) และในส่วนของมหาวิทยาลัยเองก็มีทุนการศึกษาให้หลายทุน ทั้งให้กับนักศึกษาที่เรียนดี ความประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือแม้กระทั่งทุนสำหรับค่าอาหารด้วย ดูลายละเอียดได้ที่นี่
เรียนได้ เนื่องจากเราจะมีการปรับพื้นฐานให้กับผู้ที่ไม่มีพื้นฐาน อีกทั้งมหาวิทยาลัยยังจัดกลุ่มการเรียนโดยแบ่งตามความรู้พื้นฐานภาษาจีนของผู้เรียน โดยอาจารย์ผู้สัมภาษณ์จะทำการทดสอบความรู้ภาษาจีน ก่อนที่จะจัดกลุ่มการเรียนภาษาจีน ซึ่ง มฉก. จะแบ่งกลุ่มผู้เรียนเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1. ไม่มีความรู้เลย 2. มีความรู้ภาษาจีนบ้าง 3. มีความรู้ภาษาจีนอย่างดี เรียนภาษาจีนมาแล้วตั้งแต่ประถมจนจบมัธยมปลาย ซึ่งการจัดการเรียนการสอนแบบนี้จะทำให้พัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ที่มีความรู้มาแล้วก็จะได้พัฒนาให้มีความรู้ที่ยิ่งขึ้นไป ไม่ต้องมาเรียนตั้งแต่พื้นฐานให้เสียเวลา
หลักสูตรนานาชาติจะมี 2 สาขา มีหลักสูตรบริหารธุรกิจ และ ภาษาอังกฤษ – ภาษาจีน ทั้ง 2 หลักสูตรก็มีจุดเด่นที่ต่างกัน ถ้าสนใจจะเรียนในด้านการประกอบธุรกิจก็ควรจะเรียนบริหารธุรกิจ และถ้าคุณมีพื้นฐานภาษาจีนด้วย ก็สามารถเลือก Minor ด้านธุรกิจจีนได้ จะเรียนเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจกับประเทศจีน ความรู้ด้านธุรกิจจีน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยก็ได้ทำธุรกิจที่ประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ สำหรับหลักสูตร ภาษาอังกฤษ – ภาษาจีน ก็เหมาะกับผู้ที่สนใจจะเรียนด้านภาษา หลักสูตรนี้เป็นเอกคู่จะเน้นทั้งสองภาษา ผู้เรียนหลักสูตรนี้จะใช้ภาษาทั้งสองได้เป็นอย่างดี ทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ใช้เวลาเรียน 4 ปี แต่อาจจะดูหนักซักหน่อยที่ต้องเรียนทั้ง 2 ภาษาใน 4 ปี แต่ว่าปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ ก็มีความต้องการผู้ที่สามารถใช้ภาษาต่างประเทศได้ดี 2 ภาษายิ่งได้เปรียบผู้ที่มีความรู้ภาษาเดียว หลักสูตรนานาชาติที่นี่ค่าใช้จ่ายไม่แพง หน่วยกิตละ 1,200 บาท ตลอดหลักสูตรประมาณ 230,000 บาท
นักสังคมสงเคราะห์เรียกอีกอย่างว่าหมอสังคม เป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้น และช่วยลดปัญหาทางสังคมต่าง ๆ จะทำงานในหน่วยงานด้านสวัสดิการสังคม เช่น โรงพยาบาล ศาล เรือนจำ สถานสงเคราะห์ มูลนิธิ องค์กรการกุศล ต่าง ๆ สาขาสังคมสงเคราะห์เป็นวิชาชีพขาดแคลน ดังนั้น การหางานทำ และเงินเดือนก็ได้แน่นอน ไม่น้อยหน้าผู้ที่จบสาขาอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทำงานในองค์กรนานาชาติด้วยแล้วยิ่งจะได้เงินเดือนสูง
สามารถไปสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนได้ เราจะเรียกการวัดระดับภาษาจีนนี้ว่า HSK ย่อมาจาก Hanyu Shuiping Kaoshi ซึ่งการวัดระดับความรู้ก็คล้ายกับภาษาอังกฤษ ที่สอบ TOFEL โดยจะต้องสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน ระดับ 5 ขึ้นไป ถึงจะไม่ต้องเรียนภาษาจีน 1 ปี และไปติดต่อขอสอบวัดระดับได้ที่ วิทยสถานแห่งวัฒนธรรมตะวันออก (OCA) หรือเรียกว่า โรงเรียนสีตบุตร ถ.รองเมือง ซอย 1
รบกวนคลิกที่สำหรับผู้สนใจสมัครปริญญาตรี คลิกข้อความสีม่วง "พิมพ์ใบรายงานผลการสมัคร (กรณีต้องการพิมพ์ใหม่ / กรอกข้อมูลไม่สมบูรณ์)" จากนั้นกรอกเลขที่บัตรประชาชน
ให้เลือกสมัครโครงการ "ปลูกต้นกล้าพยาบาล 3 สถาบัน" คุณสมบัติผู้สมัครดังนี้ 1. กำลังเรียนอยู่ ม.6 สาย วิทย์-คณิต เท่านั้น 2. มีผลคะแนนเฉลี่ยสะสม GPAX ไม่ต่ำกว่า 2.50 3. จะต้องสอบข้อเขียนของมหาวิทยาลัยในการคัดเลือก
ให้แก้ไขลงในใบรายงานผลการสมัครหลังจากพิมพ์ออกมาแล้ว ให้ใช้ปากกาขีดฆ่าแก้ไขได้เลย เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับเอกสารการสมัครจะดำเนินการแก้ไขในระบบให้
ส่งได้ 2 วิธี คือ - ส่งด้วยตนเอง - ส่งทางไปรษณีย์ (EMS เท่านั้น) ภายในวันที่กำหนด
สามารถสมัครสอบตรงและโครงการพิเศษ ซ้ำกันได้ โดยน้องๆ จะสอบครั้งเดียว แล้วทางมหาวิทยาลัยจะนำคะแนนไปประมวลผลพิจารณาการคัดเลือกของโครงการพิเศษให้
Student Admission Department